เมนู

วรรคที่ 9



อานิสังสกถา



[1306] สกวาที ผู้เห็นอานิสงส์ ในนิพพาน ละสัญโญชน์ได้ หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. บุคคลมนสิการอยู่ซึ่งสังขารทั้งหลายโดยความเป็น
ของไม่เที่ยง ละสัญโญชน์ได้ มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า บุคคลมนสิการอยู่ซึ่งสังขารทั้งหลายโดย
ความเป็นของไม่เที่ยง ละสัญโญชน์ได้ ก็ต้องไม่กล่าวว่า ผู้เห็นอานิสงส์
ในนิพพาน ละสัญโญชน์ได้ ฯลฯ บุคคลมนสิการอยู่ซึ่งสังขารทั้งหลาย
โดยความเป็นทุกข์ ฯลฯ โดยความเป็นโรค โดยความเป็นหัวฝี โดย
ความเป็นลูกศร โดยความเป็นของลำเค็ญ โดยความเป็นอาพาธ โดย
ความเป็นดังคนอื่น โดยความเป็นของหลอกลวง โดยความเป็น
เสนียด โดยความเป็นเครื่องเบียดเบียน โดยความเป็นภัย โดยความ
เป็นอุปสรรค โดยความเป็นของหวั่นไหว โดยความเป็นของเปื่อยพัง
โดยความเป็นของไม่ยั่งยืน โดยความไม่เป็นที่ต้านทาน โดยความไม่
เป็นที่หลีกเร้น โดยความไม่เป็นที่พึ่ง โดยความไม่เป็นที่ขจัดภัย โดย
ความเป็นของว่าง โดยความเป็นของเปล่า โดยความเป็นของสูญ โดย
ความเป็นอนัตตา โดยความเป็นโทษ ฯลฯ โดยความเป็นของมีความ
แปรไปเป็นธรรมดา ละสัญโญชน์ได้ มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. หากว่า บุคคลมนสิการอยู่ซึ่งสังขารทั้งหลายโดย
ความเป็นของมีความแปรไปเป็นธรรมดา ละสัญโญชน์ได้ ก็ต้องไม่
กล่าวว่า ผู้เห็นอานิสงส์ ในนิพพาน ละสัญโญชน์ได้.
ส. บุคคลมนสิการอยู่ซึ่งสังขารทั้งหลายโดยความเป็น
ของไม่เที่ยงด้วย เป็นผู้เห็นอานิสงส์ในนิพพานด้วย หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. บุคคลมนสิการอยู่ซึ่งสังขารทั้งหลาย โดยความเป็น
ของไม่เที่ยงด้วย เป็นผู้เห็นอานิสงส์ในนิพพานด้วย หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เป็นการประชุมแห่งผัสสะ 2 อย่าง ฯลฯ แห่งจิต 2
ดวง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. บุคคลมนสิการอยู่ซึ่งสังขารทั้งหลาย โดยความเป็น
ทุกข์ ฯลฯ โดยความเป็นโรค ฯลฯ โดยความเป็นของมีความแปรไปเป็น
ธรรมดาด้วยเห็นอานิสงส์ในนิพพานด้วย หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. บุคคลมนสิการอยู่ซึ่งสังขารทั้งหลายโดยความเป็น
ของแปรไปเป็นธรรมดาด้วย เป็นผู้เห็นอานิสงส์ในนิพพานด้วย หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เป็นการประชุมแห่งผัสสะ 2 อย่าง ฯลฯ แห่งจิต 2
ดวง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ

[1307] ป. ไม่พึงกล่าวว่า ผู้เห็นอานิสงส์ ในนิพพาน และ
สัญโญชน์ได้ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้พิจารณาเห็นว่าเป็นสุข หมายรู้ว่าเป็นสุข มี
ความรู้สึกว่าเป็นสุข น้อมใจไปเนืองนิตย์สม่ำเสมอ ไม่สับสน หยั่ง
ปัญญาลงในพระนิพพานอยู่
ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. ถ้าอย่างนั้น ผู้เห็นอานิสงส์ ในนิพพาน ก็ละสัญโญชน์
ได้ น่ะสิ.
อานิสังสกถา จบ

อรรถกถาอานิสังสกถา



ว่าด้วย อานิสงส์



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องอานิสงส์. ในเรื่องนั้น การแก้ปัญหา คือการ
ชี้ขาด ในลัทธิของสกวาทีว่า การละสังโยชน์ย่อมมีแก่ผู้เห็นสังขาร
ทั้งหลายโดยความเป็นโทษ และเห็นพระนิพพานโดยความเป็นอานิสงส์
ดังนี้ ก็ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจลัทธิของนิกายอันธกะทั้งหลายว่า
การละสังโยชน์ย่อมมีแก่ผู้เห็นพระนิพพาน โดยความเป็นอานิสงส์
เท่านั้น เพราะถือเอาวาทะของสกวาทีเพียงข้อเดียวในวาทะ 2 ข้อนั้น
คำถามของสกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที.